ตลาดไม่ได้วิ่งจาก RSI ต่ำไปสูง แต่วิ่งจาก “แรง” ไป “แรงกว่า”

Relative Strength Index (RSI) สูง ≠ หมดแรง

บางที…มันคือจุดเริ่มต้นของเทรนด์ขาขึ้นครั้งใหญ่

เราเคยเชื่อว่า RSI สูง = “หมดแรง”

เราเคยเชื่อว่า RSI ต่ำ = “ของถูก”

แต่พอเอาไปใช้จริง กลับ “ติดดอยตอน oversold” และ “ขายหมูตอน overbought”

ลองเปรียบเทียบกันชัด ๆ:

กลยุทธ์ A: ซื้อเมื่อ RSI ต่ำ (Oversold), ขายเมื่อ RSI สูง (Overbought)

กลยุทธ์ซื้อ RSI สูง: ขาดทุน 24.3%

กลยุทธ์ซื้อ RSI ต่ำ: กำไร 559%

สรุปกลยุทธ์ A: ซื้อเมื่อ RSI ต่ำ

→ เข้าแล้วราคายังลงต่อ เพราะแรงขายยังไม่หมด

→ หลายครั้งราคาหลุดแล้วไหลต่อ ก่อนจะกลับตัวจริง

→ กลยุทธ์ที่ดูปลอดภัย กลับทำให้ต้องติดดอยซ้ำ ๆ โดยไม่รู้ตัว

กลยุทธ์ B: ซื้อเมื่อ RSI สูง (Overbought), ขายเมื่อ RSI ต่ำ (Oversold)

กลยุทธ์ซื้อ RSI สูง: กำไร 3,369.79%

กลยุทธ์ซื้อ RSI สูง: กำไร 52,835.38%

สรุปกลยุทธ์ B: ซื้อเมื่อ RSI สูง

→ เข้าได้ตรงช่วงที่ momentum กำลังเริ่ม

→ ถ้าราคายืนได้ มักจะกลายเป็นขาขึ้นยาว

→ หลายครั้ง RSI สูงแล้วยืนได้ คือจุดที่เทรนด์เพิ่งเริ่ม breakout

ฟังดูเหมือนแบบแรกจะปลอดภัยกว่า เพราะเข้าตอนราคาถูก

แต่พอรันระบบจริง…กลับกลายเป็นแบบที่สอง “ทำงานได้ดีกว่าอย่างชัดเจน”

คนส่วนใหญ่มอง RSI แค่เป็นจุดกลับตัว

แต่จริง ๆ แล้ว มันคือเครื่องมือวัด “แรงส่ง”

RSI สูง คือ momentum เริ่ม ไม่ใช่ exhaustion

ยิ่งแรงมาก มันอาจเพิ่งเริ่มวิ่ง ไม่ใช่ใกล้จบ

RSI สูง ≠ จุดขาย

RSI ต่ำ ≠ จุดซื้อ

ในตลาดที่วิ่งด้วย momentum

การกลัว Overbought อาจเป็นเหตุผลเดียวที่คุณพลาดขาขึ้นครั้งใหญ่

"ระบบที่ดี อาจเริ่มจากแค่กลับหัวสิ่งที่คนส่วนใหญ่เชื่อ

ลองเอาระบบที่คุณเชื่อไปเทสจริง แล้วคุณจะรู้ว่า…

ความเชื่อที่ไม่ถูกทดสอบ อาจแพงกว่าที่คิด