Ease of Entry ≠ Ease of Success ธุรกิจแบบไหน...อยู่รอด และเติบโตได้จริง?

“อย่าเลือกธุรกิจเพียงเพราะมันเริ่มง่าย…เพราะสิ่งที่ง่ายที่สุด มักรอดยากที่สุด”

1. ค้าขาย / บริการทั่วไป

(Low-Skill Market)

• Ease of Entry: สูง

ไม่ต้องมีประสบการณ์ ไม่ต้องมีแบรนด์ ใคร ๆ ก็เริ่มได้ แค่โพสต์ขายของ ตัดราคา หรือทำคอนเทนต์เรียกกระแสให้ไวกว่าเพื่อน

• Ease of Success: ดูเหมือนง่าย

สำเร็จเร็ว ถ้าคุณยอมลด Margin ตัวเองพอ และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคพื้นฐาน

แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้วัดกันที่ฝีมือหรือระบบ แค่ราคาถูกกว่าก็ขายได้

• Ease of Sustain: ต่ำ

เพราะทุกคนใช้สูตรเดียวกัน → Margin ต่ำ + Content ดึงความสนใจ

ตลาดจึงกลายเป็น Red Ocean ที่มีหน้าใหม่ดาหน้าเข้ามาได้ตลอด

หลายคนสำเร็จได้แค่ “ชั่วคราว” เว้นแต่จะ Scale กลายเป็น Brand ที่แข็งแรงจริง

2. ค้าขาย / บริการแบบ Specialist

(Skill-Based Market)

• Ease of Entry: ต่ำ

คนทั่วไปเข้าไม่ได้ง่าย ๆ หากไม่มีทักษะหรือใบอนุญาต เช่น แพทย์ วิศวกร ทนาย หรือสายงานที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะ

สนามแบบนี้ไม่เปิดโอกาสให้ “มือใหม่สายลัด” เข้ามาแข่งด้วยการตัดราคา

• Ease of Success: สูง (ถ้าเข้าได้จริง)

เพราะลูกค้าไม่ได้มองแค่ราคา แต่มองที่ฝีมือ ความน่าเชื่อถือ และประสบการณ์

คุณไม่ต้องตะโกนขาย แค่ “เก่งในระดับหนึ่ง” ก็มีงาน

• Ease of Sustain: สูง

คู่แข่งใหม่เข้าไม่ได้ง่าย และลูกค้าต้องการผู้เชี่ยวชาญจริง

จุดอ่อนคือการขยาย ต้องใช้ทีมที่มีระดับฝีมือใกล้เคียงกัน ทำให้ Scale ยากแบบไร้ขีดจำกัด

3. การเทรดหุ้น / ลงทุนในสินทรัพย์

(Invisible Business)

• Ease of Entry: สูงที่สุด

ใครก็เริ่มได้ ไม่มีใครห้ามเปิดพอร์ต มีแค่มือถือก็ซื้อขายได้ ไม่ต้องมีใบอนุญาต

ทุกคนคิดว่า “ฉันก็ทำได้” นั่นแหละคือจุดอันตราย เพราะ “ความรู้สึกว่าง่าย” กลายเป็นกับดัก

• Ease of Success: ต่ำที่สุด (ไม่ถึง 1%)

เพราะนี่ไม่ใช่เกมแค่ Entry กับ Exit

แต่วัดกันที่คุณควบคุมจิตใจได้ไหม? มีระบบไหม? เข้าใจ Risk Management แค่ไหน?

ถ้ายังมี Plan B หรือพร้อมกลับไปทำสิ่งที่ง่ายกว่าเมื่อเจ็บปวด → แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

• Ease of Sustain: สูงที่สุด (ถ้าผ่านได้จริง)

หากคุณสร้างระบบของตัวเองได้จริง

คุณไม่ต้องใช้เงินคนอื่น ไม่ต้องมีทีม ไม่ต้องผลิตสินค้า

ไม่มีใครแย่งลูกค้า ไม่มีใครตัดราคาคุณได้

คุณจะกลายเป็น “คนส่วนน้อยมาก” ที่ทำให้ Trading และ Investing กลายเป็นธุรกิจจริง เช่น Investment Company, Hedge Fund, Prop Firm หรือ Private Equity

ธุรกิจทุกแบบมีทั้งโอกาสสำเร็จ และจุดตายของมันเอง

✅ ธุรกิจที่ดูง่ายตอนเริ่มต้น มักจะยากตอนอยู่รอด

✅ ธุรกิจที่เริ่มยาก อาจเป็นเพียงกลไกคัดกรอง เพื่อให้คุณได้สนามที่ไม่มีใครแย่ง

✅ ธุรกิจที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ เช่น “เทรด” หรือ “ลงทุน” มักถูกมองข้าม แต่กลับเป็นเกมที่ให้รางวัลสูงที่สุด หากคุณเก่งพอ เข้าใจตัวเอง และอยู่ได้นานพอ

คนที่เข้าใจความต่างระหว่าง Entry / Success / Sustain

จะสามารถเลือก “สนามที่เหมาะกับศักยภาพตัวเอง” ได้แม่นที่สุด

แล้วคุณล่ะ…กำลังเล่นเกมแบบไหนอยู่?

สนามที่คุณอยู่ตอนนี้ มีโอกาสโตได้ไกลแค่ไหน?